ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มูลค่าการเข้าซื้อกิจการของกลุ่ม LVMH เติบโตอย่างก้าวกระโดด นับตั้งแต่ Dior ไปจนถึง Tiffany การเข้าซื้อกิจการแต่ละครั้งล้วนมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ การเข้าซื้อกิจการอย่างดุเดือดนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของ LVMH ในตลาดสินค้าหรูหราเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้เกิดการคาดการณ์ถึงความเคลื่อนไหวในอนาคตอีกด้วย กลยุทธ์การเข้าซื้อกิจการของ LVMH ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของเงินทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกหลักในการขยายอาณาจักรสินค้าหรูหราระดับโลก การเข้าซื้อกิจการเหล่านี้ทำให้ LVMH ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความเป็นผู้นำในตลาดสินค้าหรูหราแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังได้สำรวจตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เสริมสร้างความหลากหลายและอิทธิพลของแบรนด์ในระดับโลกอีกด้วย
2015: รีโพสซี่
ในปี 2558 LVMH ได้เข้าซื้อหุ้น 41.7% ในแบรนด์เครื่องประดับอิตาลี Repossi และต่อมาได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 69% Repossi ก่อตั้งขึ้นในปี 2463 มีชื่อเสียงในด้านดีไซน์เรียบง่ายและงานฝีมือที่สร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเครื่องประดับระดับไฮเอนด์ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ LVMH ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ และได้ผสานปรัชญาการออกแบบใหม่ๆ และความมีชีวิตชีวาของแบรนด์เข้ากับพอร์ตโฟลิโอของ LVMH Repossi เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเครื่องประดับที่หลากหลายยิ่งขึ้น โดยเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ที่มีอยู่เดิม เช่น Bulgari และ Tiffany & Co.
2016: ริโมว่า
ในปี 2559 LVMH ได้เข้าซื้อหุ้น 80% ในแบรนด์กระเป๋าเดินทาง Rimowa จากเยอรมนี ในราคา 640 ล้านยูโร Rimowa ก่อตั้งขึ้นในปี 2441 มีชื่อเสียงในด้านกระเป๋าเดินทางอะลูมิเนียมอันเป็นเอกลักษณ์และดีไซน์ที่ล้ำสมัย ทำให้บริษัทเป็นผู้นำในตลาดสินค้าเดินทางระดับพรีเมียม ธุรกรรมนี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำสถานะของ LVMH ในกลุ่มอุปกรณ์เดินทางระดับไฮเอนด์เท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางการเติบโตใหม่ในกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์อีกด้วย การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Rimowa ทำให้ LVMH สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสินค้าหรูหราทั่วโลกสำหรับผลิตภัณฑ์การเดินทางได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งยิ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดสินค้าหรูหราได้อย่างครอบคลุม
2017: คริสเตียน ดิออร์
ในปี 2017 LVMH ได้เข้าซื้อกิจการ Christian Dior อย่างเต็มรูปแบบด้วยมูลค่า 13.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้แบรนด์นี้เป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตโฟลิโอทั้งหมด ในฐานะแบรนด์หรูระดับตำนานของฝรั่งเศส Christian Dior ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการแฟชั่นนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1947 การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของ LVMH ในตลาดสินค้าหรูหราเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างอิทธิพลในตลาดแฟชั่นระดับไฮเอนด์ สินค้าเครื่องหนัง และน้ำหอมอีกด้วย การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของ Dior ช่วยให้ LVMH สามารถขยายภาพลักษณ์แบรนด์ไปทั่วโลกและขยายส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากขึ้น
2018: ฌอง ปาตู
ในปี 2018 LVMH ได้เข้าซื้อกิจการแบรนด์ Jean Patou แบรนด์แฟชั่นชั้นสูงสัญชาติฝรั่งเศส Jean Patou ก่อตั้งขึ้นในปี 1912 มีชื่อเสียงในด้านดีไซน์อันหรูหราและงานฝีมืออันประณีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มแฟชั่นชั้นสูง การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ยิ่งขยายอิทธิพลของ LVMH ในอุตสาหกรรมแฟชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดแฟชั่นชั้นสูง Jean Patou ไม่เพียงแต่ดึงดูดลูกค้าที่มีฐานะทางการเงินสูงได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับชื่อเสียงและสถานะของตนในโลกแฟชั่นอีกด้วย
2019: เฟนตี้
ในปี 2019 LVMH ได้ร่วมมือกับ Rihanna ศิลปินระดับโลก เข้าซื้อหุ้น 49.99% ในแบรนด์ Fenty ของเธอ Fenty แบรนด์แฟชั่นที่ก่อตั้งโดย Rihanna มีชื่อเสียงในด้านความหลากหลายและการมีส่วนร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคความงามและแฟชั่น ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่ผสานดนตรีเข้ากับแฟชั่นเท่านั้น แต่ยังทำให้ LVMH มีพลังของแบรนด์ที่สดใหม่และสามารถเข้าถึงฐานลูกค้าที่อายุน้อยกว่าได้ Fenty ช่วยให้ LVMH ขยายการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าอายุน้อยและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่หลากหลาย
2019: สเตลล่า แม็กคาร์ทนีย์
ในปีเดียวกันนั้น LVMH ได้ร่วมทุนกับ Stella McCartney ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ Stella McCartney มีชื่อเสียงในด้านความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์แฟชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน เธอจึงเป็นผู้บุกเบิกแฟชั่นที่ยั่งยืน ความร่วมมือนี้ไม่เพียงแต่ทำให้แฟชั่นสอดคล้องกับความยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ LVMH ในด้านความยั่งยืนอีกด้วย Stella McCartney ช่วยให้ LVMH สามารถดึงดูดผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และเสริมสร้างชื่อเสียงและอิทธิพลในการพัฒนาอย่างยั่งยืน
2020: ทิฟฟานี่ แอนด์ โค
ในปี 2020 LVMH ได้เข้าซื้อกิจการแบรนด์เครื่องประดับสัญชาติอเมริกัน Tiffany & Co. ด้วยมูลค่า 15.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ Tiffany ก่อตั้งขึ้นในปี 1837 และเป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องประดับที่โดดเด่นที่สุดในโลก โดดเด่นด้วยกล่องสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์และดีไซน์เครื่องประดับระดับไฮเอนด์ การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำสถานะของ LVMH ในตลาดเครื่องประดับเท่านั้น แต่ยังช่วยสนับสนุนแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับการดำเนินงานด้านเครื่องประดับทั่วโลกอีกด้วย Tiffany ช่วยให้ LVMH ขยายฐานธุรกิจในตลาดอเมริกาเหนือและเสริมสร้างความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องประดับระดับโลก
ความทะเยอทะยานและแนวโน้มในอนาคตของกลุ่ม LVMH
การเข้าซื้อกิจการเหล่านี้ทำให้กลุ่ม LVMH ไม่เพียงแต่ขยายส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มสินค้าหรูหราเท่านั้น แต่ยังสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคตอีกด้วย กลยุทธ์การเข้าซื้อกิจการของ LVMH ไม่เพียงแต่เน้นการดำเนินงานด้านเงินทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกหลักในการขยายอาณาจักรสินค้าหรูหราทั่วโลก การเข้าซื้อกิจการและบูรณาการแบรนด์ต่างๆ ไม่เพียงแต่ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดสินค้าหรูหราแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังสำรวจตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เสริมสร้างความหลากหลายและอิทธิพลของแบรนด์ในระดับโลก
ความทะเยอทะยานของ LVMH ขยายขอบเขตไปไกลกว่าตลาดสินค้าหรูหราที่มีอยู่เดิม โดยมุ่งสำรวจภาคส่วนใหม่ๆ ผ่านการเข้าซื้อกิจการและนวัตกรรม ยกตัวอย่างเช่น ความร่วมมือกับ Rihanna และ Stella McCartney ช่วยให้ LVMH สามารถดึงดูดผู้บริโภครุ่นใหม่และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการแฟชั่นที่ยั่งยืน ในอนาคต LVMH มีแนวโน้มที่จะขยายธุรกิจต่อไปผ่านการเข้าซื้อกิจการและการสร้างพันธมิตร เพื่อเสริมสร้างอิทธิพลในด้านความงาม ไลฟ์สไตล์ และความยั่งยืน ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำสถานะของบริษัทในฐานะอาณาจักรสินค้าหรูหราระดับโลก
(รูปภาพจาก Google)
แนะนำสำหรับคุณ
- คอลเลกชันเครื่องประดับชั้นสูง 'Bird on a Pearl' ปี 2025 จาก Tiffany & Co.: ซิมโฟนีแห่งธรรมชาติและศิลปะเหนือกาลเวลา
- โอบรับปัญญาและความแข็งแกร่ง: เครื่องประดับ Bulgari Serpenti สำหรับปีงู
- Van Cleef & Arpels นำเสนอ: Treasure Island – การเดินทางอันน่าตื่นตาตื่นใจผ่านการผจญภัยแห่งอัญมณีชั้นสูง
- เครื่องประดับ Dior Fine: ศิลปะแห่งธรรมชาติ
เวลาโพสต์: 03 มี.ค. 2568